ต้นไม้ ความหมายของต้นไม้

 ต้นไม้ หมายถึง พืชนานปีซึ่งมีลำต้นยาวและรับน้ำหนักกิ่งแขนงและใบได้ โดยมีเนื้อไม้ที่ช่วยทรงตัวได้โดยลำพัง การนิยามคำว่า "ต้นไม้" ในความหมายแบบแคบรวมเฉพาะพืชที่มีเนื้อไม้แข็ง (woody plant หรือ wood) และมีเนื้อเยื่อเจริญในชั้นเปลือกนอก (cambium) เจริญไปเป็นกิ่งและราก หรือใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้ (lumber) หรือพืชที่มีความสูงกว่าที่กำหนดเท่านั้น ในความหมายแบบกว้าง ต้นไม้ รวมไปถึง ปาล์ม เฟิร์นต้น กล้วยและไผ่ ต้นไม้สวยงาม

ความหมายของต้นไม้ มีหลากหลายแง่มุม ดังนี้

  • ความหมายทางกายภาพ ต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตยืนยาว บางต้นอยู่ได้หลายพันปี ต้นไม้มีลำต้น กิ่ง ใบ ดอก และผล ลำต้นของต้นไม้ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำและสารอาหารจากรากไปสู่ส่วนต่างๆ ของต้นไม้ กิ่งของต้นไม้ทำหน้าที่รับน้ำหนักของใบและดอก ใบของต้นไม้ทำหน้าที่สังเคราะห์แสงผลิตอาหารให้กับต้นไม้ ดอกของต้นไม้ทำหน้าที่สืบพันธุ์ ผลของต้นไม้ทำหน้าที่ขยายพันธุ์
  • ความหมายทางสิ่งแวดล้อม ต้นไม้มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ต้นไม้ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจนสู่บรรยากาศ ต้นไม้ช่วยป้องกันดินจากการพังทลาย ต้นไม้ช่วยดูดซับฝุ่นละอองและมลพิษในอากาศ ต้นไม้ช่วยสร้างร่มเงาและลดอุณหภูมิ ต้นไม้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ
  • ความหมายทางวัฒนธรรม ในหลายวัฒนธรรม ต้นไม้มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ ตัวอย่างเช่น ในวัฒนธรรมไทย ต้นไม้บางชนิดมีความหมายมงคล เช่น ต้นโพธิ์ ต้นไผ่ ต้นราชพฤกษ์ เป็นต้น
  • ความหมายทางจิตวิญญาณ ต้นไม้เป็นตัวแทนของการเติบโต ความแข็งแรง และความยั่งยืน ต้นไม้ยังเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและความตาย ต้นไม้ที่ผลัดใบเป็นสัญลักษณ์ของการตายและการเริ่มต้นใหม่


ต้นไม้มีกี่ทั้งหมดประเภท 

ต้นไม้มีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การจำแนก โดยทั่วไปแล้วต้นไม้สามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้

  • ตามลักษณะของลำต้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
  • ต้นไม้ที่มีเนื้อไม้แข็ง (woody plant) เช่น ไม้สัก ไม้มะม่วง ไม้ยาง เป็นต้น
  • ต้นไม้ที่ไม่มีเนื้อไม้แข็ง (non-woody plant) เช่น กล้วย ต้นไผ่ ต้นหญ้า เป็นต้น
  • ตามลักษณะของใบ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
  • ต้นไม้ที่มีใบเดี่ยว (simple leaf) เช่น ต้นมะขาม ต้นกล้วย เป็นต้น
  • ต้นไม้ที่มีใบประกอบ (compound leaf) เช่น ต้นเฟิร์น ต้นมะยม เป็นต้น
  • ตามลักษณะของดอก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
  • ต้นไม้ที่มีดอกเดี่ยว (single flower) เช่น ต้นกุหลาบ ต้นมะลิ เป็นต้น
  • ต้นไม้ที่มีดอกช่อ (inflorescence) เช่น ต้นมะม่วง ต้นมะขาม เป็นต้น
  • ตามลักษณะของผล แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
  • ต้นไม้ที่มีผลเดี่ยว (simple fruit) เช่น ผลมะม่วง ผลมะขาม เป็นต้น
  • ต้นไม้ที่มีผลรวม (aggregate fruit) เช่น ผลสตรอว์เบอร์รี่ ผลบ๊วย เป็นต้น


ประเภทต้นไม้ นอกจากนี้ ต้นไม้ยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยๆ อีกมากมายตามเกณฑ์อื่นๆ เช่น ประเภทตามสภาพภูมิอากาศ ประเภทตามประโยชน์ใช้สอย เป็นต้น

จากเกณฑ์การจำแนกต่างๆ ข้างต้น เราสามารถแบ่งต้นไม้ออกเป็นประเภทต่างๆ ได้มากมาย ตัวเลขที่แน่นอนนั้นขึ้นอยู่กับเกณฑ์การจำแนกที่ใช้ และขอบเขตของการศึกษา อย่างไรก็ตาม ประมาณการโดยทั่วไประบุว่า ต้นไม้บนโลกนี้มีประมาณ 350,000 สายพันธุ์ ในประเทศไทยมีต้นไม้ประมาณ 10,000 สายพันธุ์

ต้นไม้ประดับ คืออะไร 

ไม้ประดับ หมายถึง พืชที่ปลูกไว้เพื่อความสวยงามที่มากขึ้น ใช้ประดับตกแต่งอาคารบ้านเรือนให้เกิดความเจริญตา ส่วนใหญ่ไม้ประดับมักเป็นพืชดอก จึงเรียกรวมกันว่า ไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม้ประดับไม่จำเป็นต้องมีดอกก็ได้ เพียงมีใบที่ดูดีหรือมีสีสันสวยงามก็ใช้ได้

ไม้ประดับสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามลักษณะต่างๆ ดังนี้

  • ตามลักษณะของลำต้น แบ่งออกเป็น ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก และไม้เลื้อย
  • ตามลักษณะของใบ แบ่งออกเป็น ไม้ใบเดี่ยว ไม้ใบประกอบ
  • ตามลักษณะของดอก แบ่งออกเป็น ไม้ดอกเดี่ยว ไม้ดอกช่อ
  • ตามลักษณะของผล แบ่งออกเป็น ไม้ผลเดี่ยว ไม้ผลรวม
  • ตามลักษณะของประโยชน์ใช้สอย แบ่งออกเป็น ไม้ประดับภายในอาคาร ไม้ประดับภายนอกอาคาร


ไม้ประดับมีความสำคัญต่อมนุษย์ในด้านต่างๆ ดังนี้

  • ด้านความสวยงาม ไม้ประดับช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับอาคารบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ ช่วยให้เกิดความร่มรื่นและผ่อนคลาย
  • ด้านสิ่งแวดล้อม ไม้ประดับช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจนสู่บรรยากาศ ช่วยป้องกันดินจากการพังทลาย ช่วยดูดซับฝุ่นละอองและมลพิษในอากาศ
  • ด้านเศรษฐกิจ ไม้ประดับเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ มีการซื้อขายไม้ประดับทั้งในประเทศและต่างประเทศ 


รอบรู้เรื่องต้นไม้ :  https://treestrove.com/ต้นไม้ประดับ/